Dicerorhinus sumatrensis (Fischer,1814)
ลักษณะ : กระซู่เป็นสัตว์ในจำพวกเดียวกับแรด
แต่มีขนาดลำตัวเล็กกว่า ตัวโตเต็มวัยมีความสูงที่ไหล่ 1-1.5 เมตร
น้ำหนักประมาณ 1,000 กิโลกรัม มีหนังหนาและมีขนขึ้นปกคลุมทั่วตัว
โดยเฉพาะในตัวอายุน้อย ซึ่งขนนี้จะลดน้อยลงเมื่อมีอายุมากขึ้น
สีลำตัวโดยทั่วไปออกสีเทาคล้ายสีขี้เถ้าและสีน้ำตาลเข้ม ด้านหลังลำตัวจะปรากฏมีรอบพับของหนังเพียงพับเดียว
ตรงบริเวณด้านหลังของขาคู่หน้า กระซู่ทั้งสองเพศจะมีนอ 2 นอ
นอหน้ามีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ส่วนนอหลังมักยาวไม่เกิน
10 เซนติเมตร หรือเป็นเพียงตุ่มมนูนขึ้นมาในตัวเมีย
อุปนิสัย
: กระซู่ปีนเขาได้เก่ง มีประสาทในการรับกลิ่นดีมาก
ออกหากินในเวลากลางคืน อาหาร ได้แก่ พวก ใบ้ไม้ กิ่งไม้ และผลไม้ป่าบางชนิด
ปกติกระซู่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ยกเว้นในฤดูผสมพันธุ์
หรือตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน ตกลูกครั้งละ 1 ตัว มีระยะตั้งท้อง
7-8 เดือน ในที่เลี้ยงกระซู่มีอายุยืนถึง 32 ปี
ที่อยู่อาศัย : กระซู่อาศัยอยู่ตามป่าเขาสูงที่มีหนามรกทึก
ลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำ ในตอนปลายฤดูฝนซึ่งในระยะนั้นมีปลักและน้ำอยู่ทั่วไป
เขตแพร่กระจาย : กระซู่มีเขตแพร่กระจายตั้งแต่กระจายตั้งแต่แคว้นอัสสัมในประเทศอินเดีย
บังกลาเทศ พม่า ไทย เวียดนาม มลายู สุมาตรา และบอร์เนียว
ในประเทศไทยมีรายงานว่าพบกระซู่ในบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายแห่ง ได้แก่
ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี
ทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี และคลองแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานี และในบริเวณอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง
ได้แก่ แก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา
และบริเวณป่ารอยต่อระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย
สถานภาพ : ปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน
15 ชนิดของประเทศไทย อนุสัญญา CITES จัดไว้ใน
Appendix 1 และ U.S. Endangered Species Act จัดไว้ในพวกที่ใกล้จะสูญพันธุ์
สาเหตุของการใกล้จะสูญพันธุ์
: กระซู่กำลังใกล้จะสูญพันธุ์หมดไปจากโลก
เนื่องจากถูกล่าเพื่อเอานอและอวัยวะทุกส่วนของตัว
ซึ่งเชื่อกันว่ามีฤทธิ์ในทางเป็นยา กระซู่จึงถูกลักลอบล่าอยู่เนืองๆ
ประกอบกับกระซู่มีปริมาณในธรรมชาติน้อย และประชากรแต่ละกลุ่ม ซึ้งแม้แต่จะอยู่ในบริเวณเดียวกันก็อยู่ห่างจากกันมากจนไม่มีโอกาสจะจับคู่ขยายพันธุ์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น